ครับ ก็ห่างหายไปนานหลายวันเนื่องจากหมอไฟฟ้าเองก็ป่วย  จะยกแขนขึ้นมาวางบนโต๊ะทำงานในท่าใช้คอมพิวเตอร์ไม่ได้จะมีอาการปวดชาและร้อนใต้ชายโครงด้านขวาเหมือนเอาไข่ต้มไปยัดใส่ไว้อย่างนั้นแหละเดชะบุญได้หมอดีที่ จังหวัดอุบลฯ ช่วยกดจุดให้เลยดีขึ้นมาได้ในระดับหนึ่งแต่เดินทางกลับนั่งรถทัวร์นานเกินไปได้เรื่องอีกเจ็บขึ้นมาอีก และก็ได้เครื่องนวดไฟฟ้าของเทวดาเอามาให้ทำไมจึงเรียกเครื่องนวดเทวดาเพราะเป็นผู้มีบุญมากจึงเกิดมามีทรัพย์พรั่งพร้อมเป็นผู้ที่มาเกิดจากภพภูมิที่สูงกว่ามนุษย์และสร้างบุญกุศลในอดีตไว้เยอะเผื่อแผ่ให้ผู้อื่นได้ด้วย เป็นการสร้างกุศลให้กับตนเองได้ด้วย ได้ใช้นวดตรงจุดที่เจ็บเลยดีขึ้นเป็นลำดับและสามารถนั่งเขียนงานบนหน้าจอคอมฯ ได้แล้ว ครับร่ายมาเสียยืดยาวเข้าเรื่องเลยดีกว่าครับ มีคำถามสงสัยมาว่า   ไม่ทราบว่าตู้ไฟ 3 สาย  กับตู้ไฟ 2 สาย ใช้งานต่างกันยังไง

เริ่มจากตู้ไฟฟ้า  2 สาย ที่ใช้กันทั่วไปตามบ้าน หลอดไฟฟ้าและอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าโดยทั่วไปในบ้านเราใช้ไฟฟ้ากระแส สลับแบบ 1 เฟส ( 1- phase ) 2 สาย แรงดัน 220 โวลต์ ความถี่ 50 เฮิรตซ์ ครับตู้ไฟ 2 สาย ก็คือไฟ 1เฟส มี 2 สาย คือสายหนึ่งจะมีกระแสไฟฟ้าไหลอยู่หรือเรียกว่าสายเคอร์เรนต์ ไลน์( current line ) หรือ Line หรือย่อ ๆ ว่า L  และอีกสายหนึ่งก็จะเป็นสายที่เดินไว้เฉยๆ ไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลอยู่หรือเรียกว่า สายนิวทรัล ( neutral line )หรือนิวตรอน หรือย่อว่า N ดังจะเห็นได้จากปลั๊กไฟตามบ้านที่เห็นมีช่องเสียบอยู่ 2 ช่องนั้น ถ้าเอาไขควงสำหรับตรวจกระแสไฟฟ้าลองวัดดูจะเห็นได้ว่าช่องหนึ่งจะมีไฟแดงปรากฏให้เห็น แสดงว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน และอีกสายหนึ่งจะไม่มีไฟสีแดงปรากฏ แต่เมื่อเวลาใช้งานกับหลอดไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าจำเป็นต้องใช้ร่วมกันทั้ง 2 สายเพื่อให้กระแสไฟฟ้าครบวงจร ไฟ 2 สาย 1 เฟสจะนิยมใช้กันตามบ้านเพราะใช้กระแสไฟฟ้าไม่มาก โดยปกติขนาดของมิเตอร์ไฟฟ้าที่จะขอติดตั้งได้จะมีขนาด 5(15) , 15(45) ,30(100) และ 50(150) แอมแปร์ ซึ่งเป็นระบบไฟฟ้าเฟสเดียว 2 สาย และตัวเลขที่อยู่ด้านซ้ายนอกวงเล็บหมายถึงกระแส ไฟฟ้าปกติสำหรับการใช้งานของระบบไฟฟ้าขนาดนั้นๆ ส่วนตัวเลขด้านขวาที่อยู่ภายในวงเล็บ หมายถึงกระแสไฟฟ้าสูงสุดที่ระบบไฟฟ้าสามารถทนได้ เช่น มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 15(45) แอมแปร์ หมายความว่าขนาดของระบบไฟฟ้าที่ติดตั้งไว้สามารถรองรับการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ โดย รวมได้ 15 แอมแปร์อย่างปลอดภัยภายใต้สภาวะการใช้งานตามปกติ แต่จะสามารถทนกระแส ไฟฟ้าสูงสุดได้ถึง 45 แอมแปร์ในบางครั้งบางคราวเป็นระยะเวลาสั้นๆ เช่น ในขณะที่เปิดเครื่อง ปรับอากาศใหม่ๆ เครื่องปรับอากาศจะกินกระแสไฟฟ้ามากกว่าปกติ ถึงแม้ว่ากระแสไฟฟ้าที่ใช้โดย รวมในช่วงเวลานั้นอาจจะสูงเกินกว่าระดับปกติบ้าง แต่ถ้าเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ ก็จะไม่ก่อให้เกิด ปัญหาต่อระบบไฟฟ้าหรือการใช้ไฟฟ้าแต่ประการใด โดยปกติถ้าเป็นบ้านขนาดเล็กที่มีการติดตั้ง ดวงไฟและปลั๊กไฟเพียงไม่กี่จุดอาจใช้มิเตอร์ไฟฟ้าขนาดแค่ 15(15) แอมแปร์ก็เพียงพอ ถ้ามี เครื่องปรับอากาศ 1-2 เครื่องก็อาจใช้มิเตอร์ไฟฟ้าขนาด 15(45) แอมแปร์และเนื่องด้วยการขอใช้ไฟฟ้ากระแส สลับแบบ 1 เฟส ( 1- phase ) 2 สาย ก็จะเสียค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า ระบบไฟ  3  สายมาก

ส่วน ตู้ไฟ 3 สาย หรือ กระแสสลับ 3 เฟส ( 3 - phase ) 4 สาย แรงดันไฟฟ้าที่ใช้จะอยู่ที่ประมาณ  380 โวลต์ ความถี่ 50 เฮิรตซ์ โดยที่ 3 สายจะเป็นสายที่มี กระแสไฟฟ้าไหลผ่าน โดยทั่วไประบบไฟฟ้า 3 เฟสเป็นระบบที่ไฟฟ้าที่ใช้กับเครื่องจักรต่างๆใน โรงงานอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่ เพราะเครื่องจักรเหล่านี้มักมีขนาดใหญ่จึงต้องการแรงดันไฟฟ้าที่สูง ไฟฟ้าระบบนี้ไม่นิยมนำมาใช้กับระบบแสงสว่างหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าตามบ้านได้โดยตรง กล่าวคือ การนำ ระบบไฟฟ้า 3 เฟสเข้ามาใช้ในบ้านนั้นมิได้เป็นการใช้ไฟฟ้าทั้ง 3 เฟสกับอุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละชิ้นโดย ตรง แต่เป็นการนำไฟฟ้า 3 เฟสนั้นมาแบ่งแยกให้เป็นระบบไฟฟ้า 1 เฟส 3 ชุด แล้วกระจายไป ตามจุดต่างๆที่มีการใช้ไฟฟ้า การกระจายจุดของการใช้งานเช่นนี้ทำให้ไฟฟ้าแต่ละเฟสไม่ถูกใช้งานมาก ถือเป็นการเฉลี่ยการใช้ไฟฟ้า ทำให้ประหยัดค่าไฟฟ้า เพราะการคิดอัตราค่าใช้ไฟฟ้าซึ่งมีหน่วยเป็น กิโลวัตต์ - ชั่วโมงจะคิดเป็นอัตราก้าวหน้า กล่าวคือยิ่งมีการใช้ไฟฟ้ามากก็จะยิ่งเสียค่าไฟฟ้าในอัตรา ที่สูงขึ้น ฉะนั้นการกระจาย การใช้ไฟฟ้าออกเป็น 3 ส่วนจากระบบไฟฟ้าที่นำเข้า 3 เฟสดังกล่าว จึงทำให้การใช้ไฟฟ้าในแต่ละส่วนหรือแต่ละเฟสน้อยลง จึงไม่ต้องเสียค่าไฟฟ้าในอัตราที่สูง แต่การขอติดตั้งจะแพงกว่า ระบบไฟ  1 เฟส 2 สาย ครับ